การทำ Laser resurfacing เลเซอร์เกลี่ยขอบหลุมสิว (เลเซอร์หลุมสิว) ที่ Real Clinic

Last updated: 6 พ.ย. 2567  |  4643 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การทำ Laser resurfacing เลเซอร์เกลี่ยขอบหลุมสิว (เลเซอร์หลุมสิว) ที่ Real Clinic

: เป้าหมายหลักในการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวของหมอ คือใช้เป็นเครื่องมือเสริม ร่วมกับกลุ่มหัตถการฟื้นฟูหลุมสิว เพื่อเก็บรายละเอียด เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้กรอขอบหลุมที่หนาคมให้อ่อนตัวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ซึ่งหมอจะใช้หลายเทคนิคในการยิงเลเซอร์ หลายโหมดพลังงาน และหลายโฟกัสความลึก ให้เหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละแบบ เช่น ในหลุมสิวแบบกล่อง Boxcar scar ที่มีขอบหนาคม หมอจะใช้เทคนิคการยิงเกลี่ยขอบหลุมแต่ละจุดที่หนาให้เรียบขึ้น ใช้โหมดโฟกัสพลังงานเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมในแต่ละจุด แล้วใช้โหมด Fractional เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมอีกครั้ง

** เครื่องแบบเดียวกัน แพทย์ผู้ทำคนละคน ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะสำคัญตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์และวางแผนการรักษา การปรับเครื่อง ปรับพลังงานให้ตรงจุดกับปัญหาของคนไข้
 
การทำเลเซอร์เกลี่ยผิวและกรอขอบหลุมสิว ที่ Real clinic หมอเลือกใช้เครื่อง New MCL Dermablate ของบริษัท Asclepion Laser Technologies ผู้นำด้านเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser ที่ได้รับความเชื่อถือจากวงการแพทย์ผิวหนังระดับโลกและเป็นมาตรฐานสากลในการรักษาหลุมสิว มีหลักฐานงานวิจัยหลายฉบับรับรองมาอย่างยาวนานกว่าสิบปี ในการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเหมาะกับผิวของคนเอเชียมากกว่า
*gold standard Laser ในทางการแพทย์หมายถึง เครื่องเลเซอร์ที่ดีที่สุด มาตรฐานสูงสุดสำหรับการรักษารอยโรคนั้นๆ

 
MCL Dermablate คือ นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว รักษาริ้วรอย แผลเป็น หลุมสิว ปัญหารูขุมขนและลบริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ โดยการใช้พลังงานแสงเออร์เบียมแยกก์ที่เข้มข้น ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเมื่อลงไปยังชั้นหนังแท้ ความร้อนจะกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมานี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียน และแผลเป็นหลุมตื้นขึ้น การทำงานของเครื่องเลเซอร์ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ส่งพลังงานแสงไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชั้นหนังกำพร้า จึงทำให้เกิดแผลหลังการรักษาน้อยมาก 

เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาหลุมสิว คือ การส่งพลังงานแสงความเข้มข้นสูงละเอียดระดับไมครอนที่คลื่นความยาว 2,940 nm ซึ่งเป็นช่วงที่มีความจำเพาะเป็นพิเศษกับน้ำในชั้นผิวมากที่สุด ทำให้สามารถกรอชั้นผิวที่มีปัญหา (Skin resurfacing) ด้านบนโดยไม่เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้ และเกลี่ยขอบหลุมสิวให้จางลง รวมถึงผลัดเซลล์ผิวอย่างละเอียดอ่อนโยน ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการทำเลเซอร์กลุ่ม CO2 โดยใช้เวลาพักฟื้นเพียงสัปดาห์เดียว 

พร้อมเทคโนโลยีไมโครเลนส์ชนิดพิเศษ ที่ทำให้เกิดลำแสงเลเซอร์เลเซอร์ขนาดเล็กถึง 169 MicroSpots ในการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง และยังสามารถตั้งค่าและควบคุมการรักษาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาlจน อีลาสตินในผิวชั้นลึก เป็นการแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวพร้อมทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษานั้นเรียบเนียนยิ่งขึ้น

หลุมสิวแบบใด ที่เหมาะกับการทำ MCL Dermablate

  • หลุมสิวประเภท Boxcar, Icepick และ Rolling scars ที่มีความลึกของหลุมในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • หลุมสิวชนิดที่มีขอบหนาคม โดยเฉพาะหลุมแบบกล่อง boxcar scars สามารถใช้เลเซอร์กรอขอบให้จางลงได้
  • แผลเป็นสิวชนิดนูน (Hypertrophic scars)
  • ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว กระชับรูขุมขน ลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวเนียนใสขึ้นด้วย
  • เหมาะกับหลุมสิวที่มีความลึกระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • เหมาะอย่างมาก ในหลุมสิวบริเวณกว้างที่มีความลึกระดับเดียวกัน


เทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ด้วย MultiMode MCL Dermablate: ErbiumYAG

  1. Focus Beam ปรับพลังงานระดับสูงให้ลงชั้นลึกเฉพาะจุด เพื่อไปกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมสิวทีละหลุม
    ปรับหลังงานให้ Spread ลงชั้นบนเพื่อเกลี่ยขอบหลุมสิวให้เรียบเนียน อ่อนตัวจางลง อย่างละเอียด หลุมที่ขอบชัดจึงดูเรียบเนียนขึ้น
  2. Focal Ablative กรอขอบหลุมสิวทีละชั้นอย่างละเอียด layer by layer ให้อ่อนตัวจางลง หลุมที่หนาขอบชัดจึงดูเรียบเนียนขึ้น
  3. Fractional Erbium Resurfacing เกลี่ยผิวโดยรวมพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนอย่างทั่วถึงครอบคลุม ซึ่งรักษาผิวทีละส่วนโดยไม่มีการรบกวนเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ ด้วยเลเซอร์ที่มีอนุภาคเล็กมากจะเจาะลึกลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ เลเซอร์จะรักษาผิวทีละส่วนเท่านั้นจึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้หายเป็นปกติในเวลารวดเร็ว สามารถแทรกลงไปยังเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นแท้ (dermis) โดยแพทย์สามารถเลือกได้ว่าจะรักษาครอบคลุมพื้นที่มากน้อยเพียงใด 
จุดเด่น
  • ผิวหน้าเรียบเนียน ผิวฟูขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
  • มีความแม่นยำสูงในการปล่อยพลังงานลงสู่ผิว
  • ไม่เจ็บ ไม่แสบร้อนขณะทำ
  • ราคาไม่แพง คุ้มค่าในการรับบริการ
  • เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นหลังทำ
  • สามารถทำร่วมกับการทำ Subcision หรือหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวดีขึ้นได้


ข้อจำกัดการรักษา

  • ผิวระคายเคือง ผิวบาง ผิวอักเสบ ขาดสมดุล ควรรักษาให้ผิวแข็งแรงขึ้นก่อน จึงจะสามารถทำเลเซอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่ต้องออกแดดกลางแจ้งเป็นประจำ ไม่สามารถหลบเลี่ยงแดดได้เลยในช่วง 1-2 สัปดาห์
  • ผู้ที่มีหลุมสิวระดับลึก มีพังผืดดึงรั้งใต้หลุมมาก ควรรักษาด้วยวิธีหัตถการแพทย์ก่อน จึงค่อยใช้เลเซอร์ช่วยเก็บรายละเอียดในภายหลัง
  • ผู้ที่คาดหวังการหายของแผลเป็นหลุมสิวในระดับเนียนกริบแบบผิวปกติ 100% ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดทำได้แบบนั้น
     
ข้อควรระวังก่อนและหลังทำเลเซอร์
  • ก่อน - ควบคุมป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดสิวเห่อสิวอักเสบในระหว่างการทำเลเซอร์ เนื่องจากการอักเสบจะลดทอนการฟื้นฟูผิวลดการกระตุ้นคอลลาเจนได้
  • หลัง - การดูแลผิวหลังเลเซอร์คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยจำเป็นต้องทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด SPF50+ วันละ 2 ครั้ง ปริมาณครั้งละ 2-3 ml และหลีกเลี่ยงการออกแดดออกกลางแจ้งโดยไม่มีเครื่องป้องกัน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์

การดูแลหลังการทำการรักษา
หลังทำการรักษาให้หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วง 24 ชม.แรก หลังจากนั้นสามารถทาบำรุงด้วยครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ชั้นผิวอย่างต่อเนื่องจนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุด (5-7 วัน) หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังสะเก็ดหลุดผิวหน้าและรอยหลุมสิวจะค่อยๆดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 30-45 วัน

 

1. เครื่องระดับโลก MCL Dermablate จากบริษัท Asclapion Laser Technologies ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี 
เทคโนโลยีเลเซอร์ของ ASCLEPION ดำเนินงานมานานกว่า 35 ปีในฐานะผู้นำด้านเลเซอร์ทางการแพทย์ระดับนานาชาติในฐานะผู้ผลิตระบบเลเซอร์ขั้นสูงสำหรับวิทยาผิวหนัง เวชศาสตร์ความงาม และศัลยกรรม ASCLEPION ผลิตในเยอรมนี และความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ปลอดภัย ผ่านการรับรอง ทั้ง USFDA และ อย.ไทย ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) และได้รับ อย. ไทยแล้ว เป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser ที่ได้รับความเชื่อถือจากวงการแพทย์ผิวหนังทั่วโลกในการรักษาหลุมสิว มีหลักฐานงานวิจัยหลายฉบับรับรองมาอย่างยาวนานกว่าสิบปี 

ข้อมูลเพิ่มเติม  https://asclepion.com/us/dermablate_us/

 

2. พลังงาน ที่ปล่อยออกมาเหมาะกับผิวเอเชีย ความร้อนน้อยกว่า แต่ละเอียดกว่า และจับเม็ดสีได้น้อยกว่า CO2 เพราะผิวคนเอเชีย มีเม็ดสีเมลานินที่หนาแน่นกว่าคนผิวขาว(คนยุโรป คนอเมริกา) จึงถูกกระตุ้นให้เกิดรอยดำได้ง่ายกว่า
พลังงานงานแสงความเข้มสูงที่คลื่นความยาว 2,940 nm ซึ่งเป็นช่วงที่มีความจำเพาะเป็นพิเศษกับน้ำในชั้นผิว จึงสามารถผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ กรอชั้นผิวด้านบน (Skin resurfacing) ได้อย่างละเอียด โดยไม่เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้
พลังงานเสถียร แม่นยำ คงที่ ควบคุมด้วยระบบ computer มาตรฐานสูง หายไว downtime น้อย ตัวเครื่องปรับได้ละเอียด และยิงพลังออกมาเล็กระดับไมครอน จึงมีผลข้างเคียงน้อย ไม่ต้องพักหน้านาน

 

3. แพทย์ผู้ทำ พญ. รมิตา ผ่านการทำอบรมการใช้เลเซอร์ขั้นสูง จากสถาบันอบรมระดับสากล
ตัวเครื่องเป็นเลเซอร์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องอาศัยเทคนิค ฝีมือ และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำเป็นอย่างมากในการใช้
แพทย์ผู้ใช้เครื่องต้องมีความรู้ลึก รู้จริง ในเรื่องของหลุมสิว วิเคราะห์ได้ว่าหลุมสิวแบบไหนต้องใช้การรักษาวิธีใดจึงจะเห็นผลและคุ้มค่าที่สุด

4. เทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ด้วย MultiMode MCL Dermablate: ErbiumYAG

  • Focus Beam ปรับพลังงานระดับสูงให้ลงชั้นลึกเฉพาะจุด เพื่อไปกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมสิวทีละหลุม
  • Focal Ablative กรอขอบหลุมสิวทีละชั้นอย่างละเอียด layer by layer ให้อ่อนตัวจางลง หลุมที่หนาขอบชัดจึงดูเรียบเนียนขึ้น
  • Fractional Erbium Resurfacing เกลี่ยผิวโดยรวมพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนอย่างทั่วถึงครอบคลุม และผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยน เพื่อให้ผิวโดยรวมเรียบเนียนสดใสยิ่งขึ้น

** เครื่องแบบเดียวกัน แพทย์ผู้ทำคนละคน ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะสำคัญตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์และวางแผนการรักษา การปรับเครื่อง ปรับพลังงานให้ตรงกับจุดที่คนไข้มีปัญหา 

6 ปัจจัยในการทำเลเซอร์อย่างไรให้เห็นผลลัพธ์ดีที่สุด
  • ความรู้เรื่องหลุมสิวของแพทย์ผู้รักษา : การวิเคราะห์ วางแผนการรักษา ว่าปัญหาที่เราเป็นนั้นดีขึ้นได้จากการทำเลเซอร์ไหม ต้องมีความรู้ รู้ลึก รู้จริง เกี่ยวกับหลุมสิว
  • ความชำนาญของแพทย์ผู้รักษา : แม้เครื่องมือการรักษาเหมือนกัน แต่การวิเคราะห์ถึงที่มาของปัญหา การวางแผนการรักษา รวมถึงการปรับพลังงานของเครื่อง ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมต่างกันค่ะ ประสบการณ์ในการรักษาก็สำคัญมากเช่นกันค่ะ
  • เครื่องที่ใช้ : คุณภาพพลังงานของเครื่องที่ใช้ต้องดีที่สุด และต้องได้มาตราฐานผ่านการรับรองระดับ Worldwide พลังงานต้องเสถียรออกมาตามที่แพทย์ผู้ใช้ต้องการ
  • การดูแลตัวเอง after care ของคนไข้เองก็สำคัญค่ะ
  • ความต่อเนื่องในการรักษา
  • ปัจจัยในตัวของคนไข้เอง ผิวคนไข้เอง เซลล์ผิวกรรมพันธุ์เดิม อายุเยอะ คอลลาเจนที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว ทำแค่เลเซอร์เยอะแค่ไหนก็ไม่ค่อยเห็นผล >> ต้องฉีดเพิ่มด้วย เพื่อsynergyกัน คนที่อายุเยอะ ปัญหาไม่ได้มีแค่ที่ผิวชั้นบนแล้ว แต่ผิวชั้นล่างข้างในก็มีปัญหาด้วย(กระดูกทรุด เส้นเอ็นหย่อน ไขมันฝ่อ) ใช้แค่เลเซอร์กระตุ้น/เกลี่ยผิวด้านบนอย่างเดียว เลยไม่ค่อยเห็นผล ต้องแก้โครงสร้างข้างในด้วย

 


Q. : จะทราบได้อย่างไร ว่าหลุมสิวที่เป็นเหมาะกับการทำเลเซอร์หรือไม่?
จำเป็นต้องให้หมอทำการตรวจผิวอย่างละเอียด เพื่อประเมินพื้นฐานสภาพผิว ระดับความรุนแรงของหลุมสิว ความหนาแน่นของพังผืดที่ดึงรั้ง ข้อจำกัดของแต่ละบุคคล และชนิดของหลุมสิว จึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้


Q : ใครเป็นคนยิงเลเซอร์?

ดร. รมิตา ลงมือเองทุกเคสค่ะ


Q : ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
เป้าหมายหลักในการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวของหมอ คือใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการเก็บรายละเอียดหลุมขนาดเล็กๆ เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้เกลี่ยขอบหลุมที่หนาคมให้อ่อนตัวเรียบเนียนขึ้น ดังนั้นหมอจึงพยายามใช้จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ให้น้อยที่สุดแต่ให้เห็นผลได้มากที่สุดเมื่อทำควบคู่กับกลุ่มหัตถการสารฟื้นฟู
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นกับสภาพผิวพื้นฐานและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล ดังนี้
- คนผิวเข้ม อาจต้องทำเลเซอร์หลายครั้งมากกว่า เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้พลังงานที่สูงได้
- ประเภทของหลุมสิว หลุมสิวที่ลึกกว่าย่อมต้องทำหลายครั้งมากกว่าหลุมสิวที่ตื้น
- ข้อจำกัดและเวลาในการพักหน้า
- ความคาดหวังและความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

Q: การทำเจ็บมากไหม?
ขึ้นอยู่กับการปรับพลังงานและเทคนิคการยิงให้เหมาะกับหลุมสิวแต่ละบุคคล
- หลุมสิวระดับเล็กน้อย และเกลี่ยผิวระดับตื้น : แทบไม่เจ็บ แม้ไม่ทายาชา
- หลุมสิวระดับกลาง และเกลี่ยผิวระดับกลางขึ้นไป : อาจรู้สึกเจ็บมากขึ้น จะมีการทายาชา หรือฉีดยาชาให้เพิ่มเติม

Q : จะเห็นผลเมื่อไร?
โดยทั่วไปจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำเลเซอร์ที่ 1-2 สัปดาห์ และจะเกิดการปรับสภาพฟื้นฟูผิวขึ้นเรื่อยๆจนผลลัพธ์คงที่ที่ 4-6 เดือนเป็นต้นไป

Q : ราคาเท่าไร?
ขึ้นอยู่กับพื้นที่หลุมสิว ตัวยาเสริมการรักษา และโปรโมชั่นในแต่ละช่วง
ราคาเริ่มต้นครั้งละ 9,900 บาท

Powered by MakeWebEasy.com