: เป้าหมายหลักในการใช้เลเซอร์หลุมสิวของหมอ คือใช้เป็นเครื่องมือเสริม ร่วมกับกลุ่มหัตถการฟื้นฟูหลุมสิว เพื่อเก็บรายละเอียด เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้กรอขอบหลุมที่หนาคมให้อ่อนตัวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ซึ่งหมอจะใช้หลายเทคนิคในการยิงเลเซอร์ หลายโหมดพลังงาน และหลายโฟกัสความลึก ให้เหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละแบบ เช่น ในหลุมสิวแบบกล่อง Boxcar scar ที่มีขอบหนาคม หมอจะใช้เทคนิคการยิงเกลี่ยขอบหลุมแต่ละจุดที่หนาให้เรียบขึ้น ใช้โหมดโฟกัสพลังงานเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมในแต่ละจุด แล้วใช้โหมด Fractional เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมอีกครั้ง
** เครื่องแบบเดียวกัน แพทย์ผู้ทำคนละคน ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะสำคัญตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์และวางแผนการรักษา การปรับเครื่อง ปรับพลังงานให้ตรงจุดกับปัญหาของคนไข้
การทำเลเซอร์เกลี่ยผิวและกรอขอบหลุมสิว ที่ Real clinic หมอเลือกใช้เครื่อง New MCL Dermablate ของบริษัท Asclepion Laser Technologies ผู้นำด้านเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser ที่ได้รับความเชื่อถือจากวงการแพทย์ผิวหนังระดับโลกและเป็นมาตรฐานสากลในการรักษาหลุมสิว มีหลักฐานงานวิจัยหลายฉบับรับรองมาอย่างยาวนานกว่าสิบปี ในการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเหมาะกับผิวของคนเอเชียมากกว่า
*gold standard Laser ในทางการแพทย์หมายถึง เครื่องเลเซอร์ที่ดีที่สุด มาตรฐานสูงสุดสำหรับการรักษารอยโรคนั้นๆ
MCL Dermablate คือ นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว รักษาริ้วรอย แผลเป็น หลุมสิว ปัญหารูขุมขนและลบริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ โดยการใช้พลังงานแสงเออร์เบียมแยกก์ที่เข้มข้น ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเมื่อลงไปยังชั้นหนังแท้ ความร้อนจะกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมานี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียน และแผลเป็นหลุมตื้นขึ้น การทำงานของเครื่องเลเซอร์ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ส่งพลังงานแสงไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชั้นหนังกำพร้า จึงทำให้เกิดแผลหลังการรักษาน้อยมาก
จุดเด่น
เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาหลุมสิว คือ การส่งพลังงานแสงความเข้มข้นสูงละเอียดระดับไมครอนที่คลื่นความยาว 2,940 nm ซึ่งเป็นช่วงที่มีความจำเพาะเป็นพิเศษกับน้ำในชั้นผิวมากที่สุด ทำให้สามารถกรอชั้นผิวที่มีปัญหา (Skin resurfacing) ด้านบนโดยไม่เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้ และเกลี่ยขอบหลุมสิวให้จางลง รวมถึงผลัดเซลล์ผิวอย่างละเอียดอ่อนโยน ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการทำเลเซอร์กลุ่ม CO2 โดยใช้เวลาพักฟื้นเพียงสัปดาห์เดียว
พร้อมเทคโนโลยีไมโครเลนส์ชนิดพิเศษ ที่ทำให้เกิดลำแสงเลเซอร์เลเซอร์ขนาดเล็กถึง 169 MicroSpots ในการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง และยังสามารถตั้งค่าและควบคุมการรักษาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาlจน อีลาสตินในผิวชั้นลึก เป็นการแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวพร้อมทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษานั้นเรียบเนียนยิ่งขึ้น
หลุมสิวแบบใด ที่เหมาะกับการทำ MCL Dermablate
เทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ด้วย MultiMode MCL Dermablate: ErbiumYAG
จุดเด่น
ข้อมูลเพิ่มเติม https://asclepion.com/us/dermablate_us/
** เครื่องแบบเดียวกัน แพทย์ผู้ทำคนละคน ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะสำคัญตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์และวางแผนการรักษา การปรับเครื่อง ปรับพลังงานให้ตรงกับจุดที่คนไข้มีปัญหา
เทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ด้วย MultiMode MCL Dermablate: ErbiumYAG
6 ปัจจัยในการทำเลเซอร์อย่างไรให้เห็นผลลัพธ์ดีที่สุด
ข้อจำกัดการรักษา
ผิวระคายเคือง ผิวบาง ผิวอักเสบ ขาดสมดุล ควรรักษาให้ผิวแข็งแรงขึ้นก่อน จึงจะสามารถทำเลเซอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ผู้ที่ต้องออกแดดกลางแจ้งเป็นประจำ ไม่สามารถหลบเลี่ยงแดดได้เลยในช่วง 1-2 สัปดาห์
ผู้ที่มีหลุมสิวระดับลึก มีพังผืดดึงรั้งใต้หลุมมาก ควรรักษาด้วยวิธีหัตถการแพทย์ก่อน จึงค่อยใช้เลเซอร์ช่วยเก็บรายละเอียดในภายหลัง
ผู้ที่คาดหวังการหายของแผลเป็นหลุมสิวในระดับเนียนกริบแบบผิวปกติ 100% ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดทำได้แบบนั้น
ข้อควรระวังก่อนและหลังทำเลเซอร์
ก่อน - ควบคุมป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดสิวเห่อสิวอักเสบในระหว่างการทำเลเซอร์ เนื่องจากการอักเสบจะลดทอนการฟื้นฟูผิวลดการกระตุ้นคอลลาเจนได้
หลัง - การดูแลผิวหลังเลเซอร์คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยจำเป็นต้องทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด SPF50+ วันละ 2 ครั้ง ปริมาณครั้งละ 2-3 ml และหลีกเลี่ยงการออกแดดออกกลางแจ้งโดยไม่มีเครื่องป้องกัน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
การดูแลหลังการทำการรักษา
หลังทำการรักษาให้หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วง 24 ชม.แรก หลังจากนั้นสามารถทาบำรุงด้วยครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ชั้นผิวอย่างต่อเนื่องจนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุด (5-7 วัน) หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังสะเก็ดหลุดผิวหน้าและรอยหลุมสิวจะค่อยๆดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 30-45 วัน
Q. : จะทราบได้อย่างไร ว่าหลุมสิวที่เป็นเหมาะกับการทำเลเซอร์หรือไม่?
จำเป็นต้องให้หมอทำการตรวจผิวอย่างละเอียด เพื่อประเมินพื้นฐานสภาพผิว ระดับความรุนแรงของหลุมสิว ความหนาแน่นของพังผืดที่ดึงรั้ง ข้อจำกัดของแต่ละบุคคล และชนิดของหลุมสิว จึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้
Q : ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
เป้าหมายหลักในการใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวของหมอ คือใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการเก็บรายละเอียดหลุมขนาดเล็กๆ เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้เกลี่ยขอบหลุมที่หนาคมให้อ่อนตัวเรียบเนียนขึ้น ดังนั้นหมอจึงพยายามใช้จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ให้น้อยที่สุดแต่ให้เห็นผลได้มากที่สุดเมื่อทำควบคู่กับกลุ่มหัตถการสารฟื้นฟู
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นกับสภาพผิวพื้นฐานและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล ดังนี้
- คนผิวเข้ม อาจต้องทำเลเซอร์หลายครั้งมากกว่า เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้พลังงานที่สูงได้
- ประเภทของหลุมสิว หลุมสิวที่ลึกกว่าย่อมต้องทำหลายครั้งมากกว่าหลุมสิวที่ตื้น
- ข้อจำกัดและเวลาในการพักหน้า
- ความคาดหวังและความพึงพอใจของแต่ละบุคคล
Q: การทำเจ็บมากไหม?
ขึ้นอยู่กับการปรับพลังงานและเทคนิคการยิงให้เหมาะกับหลุมสิวแต่ละบุคคล
- หลุมสิวระดับเล็กน้อย และเกลี่ยผิวระดับตื้น : แทบไม่เจ็บ แม้ไม่ทายาชา
- หลุมสิวระดับกลาง และเกลี่ยผิวระดับกลางขึ้นไป : อาจรู้สึกเจ็บมากขึ้น จะมีการทายาชา หรือฉีดยาชาให้เพิ่มเติม
Q : จะเห็นผลเมื่อไร?
โดยทั่วไปจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำเลเซอร์ที่ 1-2 สัปดาห์ และจะเกิดการปรับสภาพฟื้นฟูผิวขึ้นเรื่อยๆจนผลลัพธ์คงที่ที่ 4-6 เดือนเป็นต้นไป
Q : ราคาเท่าไร?
ขึ้นอยู่กับพื้นที่หลุมสิว ตัวยาเสริมการรักษา และโปรโมชั่นในแต่ละช่วง
ราคาเริ่มต้นครั้งละ 9,900 บาท