Last updated: 19 ธ.ค. 2567 | 48 จำนวนผู้เข้าชม |
การรักษาหลุมสิว ยิ่งรักษายิ่งแย่ มีจริงไหม? เกิดขึ้นได้อย่างไร?
การรักษาหลุมสิวที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้ปัญหาแย่ลงได้จริง ซึ่งสาเหตุหลักมักเกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีการรักษาไม่เหมาะสม, การปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง, หรือการดูแลหลังทำที่ไม่เพียงพอ เรามาเจาะลึกถึงสาเหตุและ
4 ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้การรักษาหลุมสิวแย่ลงมีดังนี้
1. การรักษาหลุมสิวโดยแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญหรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม
ทำให้ปัญหาหลุมสิวเลวร้ายลงได้ เพราะการรักษาหลุมสิวเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการซ่อมแซมของผิวที่ลึกในชั้นหนังแท้ หากไม่ระมัดระวังหรือไม่มีความเข้าใจในโครงสร้างผิวและเทคโนโลยีที่ใช้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือการทำลายผิวหนังชั้นลึก ซึ่งจะยิ่งทำให้หลุมสิวลึกและขยายตัวมากขึ้น ตัวอย่างของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้:
1.1 การใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม
หากใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานสูงเกินไปหรือลงลึกเกินไปโดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพผิวของคนไข้ เช่น การใช้ Fractional CO2 Laser ในระดับพลังงานที่สูงเกินไปในการรักษาหลุมสิวตื้น อาจทำให้ผิวหนังชั้นล่างได้รับการบาดเจ็บมากเกินไป และอาจนำไปสู่การเกิดรอยแผลเป็นใหม่หรือทำให้หลุมสิวลึกกว่าเดิมได้ นอกจากนี้ หากไม่มีการตั้งค่าเครื่องมือให้เหมาะสม เช่น ขนาดจุดเลเซอร์หรือความถี่ในการยิง อาจส่งผลให้ผิวเกิดการไหม้ (thermal damage) ทำให้การซ่อมแซมผิวทำงานผิดปกติ
ตัวอย่าง: ผู้ป่วยที่มีหลุมสิวประเภท Rolling Scar ระดับตื้น เคยได้รับการรักษาด้วย Fractional CO2 Laser ที่ความลึกและพลังงานสูงเกินไป ผลที่ได้คือเกิดรอยแดงและอาการอักเสบเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้หลุมสิวยิ่งชัดขึ้นและลึกกว่าเดิม
1.2 การทำ Subcision โดยไม่ระวัง Subcision เป็นการใช้เข็มแทงเข้าไปใต้ผิวเพื่อคลายเส้นใยที่ดึงรั้งผิวที่ทำให้เกิดหลุมสิว แต่หากผู้รักษาไม่มีความชำนาญพอ อาจแทงเข็มลึกเกินไปหรือในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวหนังชั้นลึกและเกิดการสะสมเลือด (hematoma) หรือการติดเชื้อที่จุดทำการรักษา ทำให้ผิวอักเสบและหลุมสิวลึกขึ้น หรือเกิดแผลเป็นใหม่ที่เห็นชัดเจน
ตัวอย่าง: มีกรณีผู้ป่วยได้รับการรักษาหลุมสิว Rolling Scar ด้วย Subcision แต่แพทย์ไม่มีความชำนาญ ทำให้แทงเข็มลึกเกินไปและทำให้เกิด hematoma ผิวช้ำและเป็นแผลลึก ส่งผลให้หลุมสิวเพิ่มขึ้นในบริเวณนั้น
1.3 การใช้กรด TCA Cross ไม่ถูกวิธี
TCA Cross เป็นการใช้กรดไตรคลอโรอะซิติก (TCA) เข้มข้นทาบริเวณหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่การใช้กรดนี้ต้องการความระมัดระวัง หากใช้ความเข้มข้นมากเกินไปหรือทาบริเวณหลุมสิวที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวหนังเกิดการกัดเซาะจนเกิดแผลใหม่ที่ลึกกว่าเดิม แทนที่จะช่วยเติมเต็มหลุมสิว
ตัวอย่าง: ผู้ป่วยที่มีหลุมสิวแบบ Ice Pick Scar เคยได้รับการทา TCA Cross ในความเข้มข้นสูงเกินไปโดยไม่มีการควบคุมอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดรอยแผลเป็นใหม่ที่ลึกขึ้นแทนที่จะช่วยลดหลุมสิว
1.4 Microneedling โดยไม่มีการฆ่าเชื้อ
การทำ Microneedling เป็นการใช้เข็มเล็ก ๆ เจาะผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่หากไม่ทำการฆ่าเชื้อเครื่องมืออย่างเหมาะสมหรือทำในคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานด้านสุขอนามัย อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งการติดเชื้อเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบและรอยแผลเป็นถาวรที่ลึกกว่าเดิม ทำให้หลุมสิวยิ่งขยายตัวและชัดเจน
ตัวอย่าง: ผู้ป่วยรายหนึ่งได้รับการทำ Microneedling ที่คลินิกที่ไม่มีมาตรฐานในการฆ่าเชื้อ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณที่รักษา มีการอักเสบเป็นเวลานาน และทิ้งรอยแผลเป็นใหม่ที่ชัดเจนและลึกกว่าเดิม
1.5 การเลือกวิธีการรักษาไม่เหมาะสม หลุมสิวมีหลายประเภท เช่น Rolling, Boxcar, Ice Pick ซึ่งแต่ละประเภทต้องการการรักษาที่ต่างกัน
2. การดูแลหลังทำไม่เหมาะสม
3. ความผิดพลาดจากตัวผู้ป่วย
ความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับความจริง หลุมสิวบางประเภท เช่น Ice Pick ต้องใช้การรักษาหลายครั้ง และอาจไม่หายขาด
4. เลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีประสบการณ์ หรือสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- การใช้บริการจากสถานที่หรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ไม่ทันสมัยหรือไม่ได้มาตรฐาน
การใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับการรับรองหรือไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เช่น เครื่องเลเซอร์หรือเครื่อง RF ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้, บาดแผล หรือแผลเป็นถาวร
-ความสะอาดไม่เพียงพอ
หากสถานที่รักษามีความสะอาดไม่เพียงพอ เช่น ไม่มีการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหลังการรักษา ส่งผลให้แผลอักเสบและหลุมสิวลึกลงไป
- การใช้ตัวยาที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่เหมาะสม
การใช้ตัวยาที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากอย. บางคลินิกหรือสถานที่รักษาอาจใช้สารหรือยาที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งอาจไม่ปลอดภัย เช่น ฟิลเลอร์ปลอม หรือสารที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้ป่วย
- การใช้ตัวยาที่ไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัย
ยาหรือสารบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงหากใช้ผิดประเภทหรือผิดวิธี เช่น การใช้กรดที่แรงเกินไป อาจทำให้ผิวเสียหายมากขึ้น
- การรักษาโดยบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ
แพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือเป็นแพทย์ปลอม
การรักษาหลุมสิวต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สภาพผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม หากคุณไปหาผู้ที่ไม่มีใบอนุญาต เช่น แพทย์ปลอม หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการรักษาผิว อาจทำให้การรักษาไม่ประสบผลสำเร็จและทำให้แผลเป็นยิ่งลึกลง บางแห่งอาจใช้พยาบาลหรือผู้ช่วยแทนแพทย์ในการทำหัตถการ เช่น Subcision หรือเลเซอร์ ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำและประสบการณ์สูง
การป้องกันไม่ให้การรักษาหลุมสิวแย่ลง: ทำไมคุณภาพต้องมาก่อน?
หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่ซับซ้อนและต้องการการรักษาที่แม่นยำ การลงทุนในการรักษาที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การพยายามประหยัดโดยเลือกการรักษาที่ราคาถูก อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แย่ลงและสร้างปัญหาผิวระยะยาวได้อย่างไม่คุ้มค่า
1. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือหัวใจสำคัญ
2. เครื่องมือที่มีคุณภาพมาตรฐานสูง
เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์ Fractional, RF Microneedling หรือเครื่องมือ Subcision ต้องการการลงทุนสูงจากคลินิก
3. ตัวยาและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา
4. ราคาถูกเกินจริง: การรักษาหลุมสิวราคาถูกมักมีการลดต้นทุนในส่วนสำคัญที่อาจส่งผลเสียต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย
วิธีป้องกันไม่ให้เจอปัญหาจากการรักษาราคาถูก
สรุป
การรักษาหลุมสิวอาจแย่ลงได้ หากเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสม, ใช้เทคนิคที่ผิดพลาด, หรือขาดการดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและการปฏิบัติตามคำแนะนำจึงเป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
การรักษาหลุมสิวที่ได้ผลดีและปลอดภัยนั้น ต้องลงทุนในแพทย์ที่มีประสบการณ์ เครื่องมือที่มีคุณภาพ และตัวยาที่ผ่านการรับรอง หากคุณเห็นบริการที่มีราคาต่ำเกินจริง นั่นอาจเป็นสัญญาณของความเสี่ยง การลงทุนในคุณภาพตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสเกิดปัญหาผิวในระยะยาว.
การรักษาหลุมสิวจึงจำเป็นต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละบุคคล ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจทำให้หลุมสิวแย่ลงกว่าเดิม การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้ผลลัพธ์ที่ดี
Realclinic ทางเลือกของคนที่ต้องการแก้ปัญหาหลุมสิวอย่างมั่นใจ
หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาหลุมสิวที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน และได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาผิวหน้าอย่างแท้จริง Realclinic คือคำตอบของคุณ เราพร้อมช่วยคุณฟื้นฟูความมั่นใจและปรับผิวให้เรียบเนียนอีกครั้ง ด้วยเทคนิคเฉพาะ และทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ
โปรแกรมเด่นที่ Realclinic สำหรับหลุมสิว: Real Scar Synergy และ Juvgen
1. Real Scar Synergy: โปรแกรมผสานเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกประเภทหลุมสิว
คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ผสมผสานหลายวิธีมาตรฐานที่มีงานวิจัยรองรับ เสริมด้วยเทคนิคพิเศษที่คุณหมอศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดสารฟื้นฟูเติมเต็มร่วมกับฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยคอลลาเจนของตัวเราเอง เพิ่มเติมด้วยสารฟื้นบำรุงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ลดการบวมช้ำ ไม่ต้องพักหน้า
คลิก อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
2. Juvgen คือการรักษาหลุมสิวที่ คุณหมอรมิตา ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจาก Dr. Jin Se-hun (ดร.จิน รักษาหลุมสิวเกาหลี) ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังชาวเกาหลี เทคนิคนี้มุ่งเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนการ ฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง โดยใช้การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิกอนุภาคเล็ก (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ชั้นหนังแท้บริเวณที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว ริ้วรอยร่องลึก หรือแผลเป็นเนื้อผิวยุบตัว กระบวนการนี้จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิวคอลลาเจนในปริมาณมากให้ขึ้นมามาทดแทนผิวหนังที่เคยยุบเป็นหลุม ให้สามารถฟูตัวขึ้นมา ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เนื้อเยื่อใหม่ โดยไม่ทำลายโครงสร้างผิวหนัง หลังการรักษาประมาณ 3-5 วัน จะสังเกตเห็นการยกตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจนใหม่ที่ขึ้นมาช่วยลดเลือนแผลเป็นหลุมสิวความไม่เรียบเนียนของผิว
คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม
3. เลเซอร์เกลี่ยขอบหลุมสิว ด้วยเครื่อง MCL Dermablate: ErbiumYAG