เจาะลึก "เลเซอร์รักษาหลุมสิว" ชนิดของเครื่องเลเซอร์หลุมสิว พลังงานที่ใช้ ข้อดีข้อเสีย และเทคนิคการเลือกสถานที่รักษา เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นในการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

Last updated: 27 ธ.ค. 2567  |  159 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เลเซอร์รักษาหลุมสิว เลเซอร์หลุมสิว

หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย โชคดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลจนสามารถรักษาหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและพิสูจน์แล้วว่าเห็นผลจริงคือการใช้ "เลเซอร์รักษาหลุมสิว"

เลเซอร์หลุมสิว มีหลากหลายชนิดและพลังงานที่ใช้ก็แตกต่างกัน แล้วควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของคุณ? รวมถึงต้องทำที่คลินิกไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์รักษาหลุมสิว ทั้งชนิดของเครื่องเลเซอร์ พลังงานที่ใช้ ข้อดีข้อเสีย และเทคนิคการเลือกสถานที่รักษา เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นในการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

การเลือกใช้เลเซอร์แต่ละประเภท ควรเข้าใจว่าแต่ละชนิดมีพลังงานและกลไกการทำงานที่ต่างกัน เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและความลึกของหลุมสิว
1. Fractional CO2 Laser 

  • พลังงาน: CO2 Laser ใช้พลังงานแสงในช่วง 10,600 นาโนเมตร
  • กลไกการทำงาน: พลังงานจาก CO2 จะถูกปล่อยออกมาในรูปแบบ Fractional หรือกระจายเป็นจุดเล็กๆ ที่เจาะลึกลงไปในชั้นผิว โดยจะสร้างแผลเล็ก ๆ (Microthermal Zones) และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวใหม่ ซึ่งช่วยทำให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้น และทำให้ผิวดูเรียบเนียน
  • ข้อดี: เหมาะกับหลุมสิวขนาดใหญ่ถึงขนาดปานกลาง เช่น Boxcar และ Rolling
    ระยะเวลาเห็นผล: ใช้เวลา 1-3 เดือนหลังทำจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี เพราะคอลลาเจนต้องใช้เวลาในการสร้างใหม่

2. Erbium YAG Laser

  • พลังงาน: YAG Laser ทำงานที่ความยาวคลื่น 2,940 นาโนเมตร
  • กลไกการทำงาน: เลเซอร์ชนิดนี้ทำการกรอผิวแบบบางเบามากกว่า CO2 Laser โดยจะส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชั้นตื้น และยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวโดยให้มีการพักฟื้นน้อย
  • ข้อดี: เหมาะสำหรับหลุมสิวตื้น และช่วยปรับสภาพผิวโดยรวม
  • ระยะเวลาเห็นผล: จะเริ่มเห็นผลการรักษาหลังจากทำ 1-2 เดือน และสามารถทำซ้ำได้ทุก 4-6 สัปดาห์

3. Pico Laser (Picosecond Laser)

  • พลังงาน: เลเซอร์ชนิดนี้ส่งพลังงานที่มีความเร็วระดับ Picosecond หรือหนึ่งในล้านล้านของวินาที
  • กลไกการทำงาน: Pico Laser ไม่เพียงแต่รักษาหลุมสิว แต่ยังช่วยลดรอยแดงและรอยดำจากสิว โดยการแตกตัวของเม็ดสีใต้ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูตึงกระชับและหลุมสิวดูตื้นขึ้น
  • ข้อดี: เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำและรอยแดง
  • ระยะเวลาเห็นผล: สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ 1-2 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่หลังทำประมาณ 3-4 ครั้ง

4. Fractional Erbium Glass Laser (เช่น Fraxel หรือ Clear+Brilliant)

  • พลังงาน: เลเซอร์ชนิดนี้ใช้พลังงานที่ความยาวคลื่น 1,550 นาโนเมตร
  • กลไกการทำงาน: Fractional Erbium Glass Laser ปล่อยพลังงานลงไปในรูปแบบจุดเล็กๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ส่วนใหญ่เน้นทำงานในชั้นผิวตื้น ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
  • ข้อดี: เหมาะสำหรับหลุมสิวที่มีขนาดตื้นและผู้ที่ต้องการการพักฟื้นน้อย
  • ระยะเวลาเห็นผล: เห็นผลได้หลังทำ 2-4 สัปดาห์ และต้องทำซ้ำทุก 1-2 เดือนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

5. RF Microneedling Combined with Laser (เช่น Morpheus8 หรือ Infini)

  • พลังงาน: ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ผสมกับเลเซอร์หรือเข็มไมโครนีดลิ่ง
  • กลไกการทำงาน: RF Microneedling ช่วยปล่อยพลังงาน RF ลงไปในชั้นผิวลึกผ่านเข็มเล็กๆ ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ตรงจุด ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นและกระชับรูขุมขนได้ดี เหมาะสำหรับหลุมสิวทุกประเภท
  • ข้อดี: เจาะลึกไปในชั้นผิวได้ลึกกว่าการใช้เลเซอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และหลุมสิวลึก
  • ระยะเวลาเห็นผล: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ใน 1-3 เดือน และควรทำซ้ำทุก 2-3 เดือน

ข้อควรระวังในการทำเลเซอร์หลุมสิว
1. หลีกเลี่ยงแสงแดด หลังการทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรงและใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง
2. ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีแรง เช่น เรตินอล หรือวิตามินซี จนกว่าผิวจะหายดี
3. ระวังการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสผิวหน้าในช่วงพักฟื้นเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ


สรุป
เลเซอร์รักษาหลุมสิว มีหลายชนิดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและประเภทหลุมสิวที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนการรักษาเพื่อเลือกชนิดของเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของตนเอง


ปัจจัยในการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวให้เห็นผล
การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและน่าพึงพอใจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งในด้านของเครื่องมือ เทคนิคของผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการดูแลหลังทำเลเซอร์ บทความนี้จะเจาะลึกถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด

1. การเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทหลุมสิว (Rolling, Boxcar หรือ Ice Pick) และความรุนแรงของปัญหา เลเซอร์รักษาหลุมสิวมีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น 

  • Fractional CO2 Laser: เหมาะสำหรับหลุมสิวลึกหรือรอยแผลเป็น มีพลังงานที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ต้องพักฟื้นผิวระยะหนึ่ง 
  • Erbium YAG Laser: เน้นผลลัพธ์ที่ผิวเรียบเนียนขึ้นและฟื้นตัวได้เร็วกว่า 
  • Pico Laser: เหมาะสำหรับหลุมสิวขนาดเล็ก และช่วยลดรอยแดงหรือรอยดำจากสิวควบคู่

2. ความเชี่ยวชาญของแพทย์หรือผู้ทำการรักษา
การตั้งค่าพลังงานและเทคนิคการยิงเลเซอร์ต้องการความแม่นยำและประสบการณ์สูง แพทย์ที่เชี่ยวชาญจะสามารถประเมินสภาพผิวและปรับพลังงานเลเซอร์ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยดำหรือการไหม้ของผิว

3. ความถี่และจำนวนครั้งในการรักษา
หลุมสิวมักไม่สามารถรักษาให้หายได้ภายในครั้งเดียว ความถี่ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับความลึกและลักษณะของหลุมสิว โดยทั่วไปอาจต้องทำประมาณ 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาสร้างคอลลาเจนและฟื้นตัวเต็มที่

4. การดูแลหลังทำเลเซอร์
การดูแลหลังทำเลเซอร์มีผลโดยตรงต่อการฟื้นฟูผิวและผลลัพธ์ที่ได้ เช่น
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด: ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงและหลีกเลี่ยงการเผชิญแดดโดยตรง
  • การบำรุงผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นหรือเซรั่มที่ช่วยเสริมการฟื้นตัวของผิว เช่น สารสกัดจากเปปไทด์หรือกรดไฮยาลูรอนิก
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า: หลังทำเลเซอร์ควรงดแต่งหน้าอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการระคายเคือง

5. สภาพผิวของแต่ละบุคคล
สภาพผิวที่แตกต่างกัน เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในการรักษา ผู้ที่มีผิวบอบบางอาจต้องการการดูแลพิเศษ หรือใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานต่ำกว่าเพื่อป้องกันการระคายเคือง

6. การเลือกสถานที่รักษา
สถานที่ที่มีมาตรฐานและเครื่องมือที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา การเลือกคลินิกที่ใช้เครื่องเลเซอร์ของแท้ พร้อมใบรับรอง และมีรีวิวที่น่าเชื่อถือ จะช่วยลดความเสี่ยงในการรักษา

สรุป
การทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกเครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งประเภทเลเซอร์ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ความถี่ในการทำ การดูแลหลังทำ และการเลือกคลินิกที่เหมาะสม หากพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ครบถ้วน จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้ผิวเรียบเนียนและกลับมามั่นใจอีกครั้ง

 : เป้าหมายหลักในการใช้เลเซอร์หลุมสิวของหมอ คือใช้เป็นเครื่องมือเสริม ร่วมกับกลุ่มหัตถการฟื้นฟูหลุมสิว เพื่อเก็บรายละเอียด เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมให้สม่ำเสมอขึ้น และใช้กรอขอบหลุมที่หนาคมให้อ่อนตัวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
ซึ่งหมอจะใช้หลายเทคนิคในการยิงเลเซอร์ หลายโหมดพลังงาน และหลายโฟกัสความลึก ให้เหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละแบบ เช่น ในหลุมสิวแบบกล่อง Boxcar scar ที่มีขอบหนาคม หมอจะใช้เทคนิคการยิงเกลี่ยขอบหลุมแต่ละจุดที่หนาให้เรียบขึ้น ใช้โหมดโฟกัสพลังงานเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมในแต่ละจุด แล้วใช้โหมด Fractional เกลี่ยปรับสภาพพื้นผิวโดยรวมอีกครั้ง

การทำเลเซอร์เกลี่ยผิวและกรอขอบหลุมสิว ที่ Real clinic หมอเลือกใช้เครื่อง New MCL Dermablate ของบริษัท Asclepion Laser Technologies ผู้นำด้านเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA) และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser ที่ได้รับความเชื่อถือจากวงการแพทย์ผิวหนังระดับโลกและเป็นมาตรฐานสากลในการรักษาหลุมสิว มีหลักฐานงานวิจัยหลายฉบับรับรองมาอย่างยาวนานกว่าสิบปี ในการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเหมาะกับผิวของคนเอเชียมากกว่า
*gold standard Laser ในทางการแพทย์หมายถึง เครื่องเลเซอร์ที่ดีที่สุด มาตรฐานสูงสุดสำหรับการรักษารอยโรคนั้นๆ

** เครื่องแบบเดียวกัน แพทย์ผู้ทำคนละคน ผลลัพธ์ย่อมต่างกัน เพราะสำคัญตั้งแต่การประเมินปัญหา วิเคราะห์และวางแผนการรักษา การปรับเครื่อง ปรับพลังงานให้ตรงจุดกับปัญหาของคนไข้

MCL Dermablate คือ นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว รักษาริ้วรอย แผลเป็น หลุมสิว ปัญหารูขุมขนและลบริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ โดยการใช้พลังงานแสงเออร์เบียมแยกก์ที่เข้มข้น ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเมื่อลงไปยังชั้นหนังแท้ ความร้อนจะกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งเส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมานี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียน และแผลเป็นหลุมตื้นขึ้น การทำงานของเครื่องเลเซอร์ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ส่งพลังงานแสงไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชั้นหนังกำพร้า จึงทำให้เกิดแผลหลังการรักษาน้อยมาก 

จุดเด่น

  • หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างชัดเจน 
  • ผิวหน้าเรียบเนียน ผิวฟูขึ้น
  •  เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี USFDA approved และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laserไม่เจ็บ ไม่แสบร้อนขณะทำ
  • ราคาไม่แพง คุ้มค่าในการรับบริการ
  • เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นหลังทำ
  • สามารถทำร่วมกับการทำ Subcision หรือหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวดีขึ้นได้

เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาหลุมสิว คือ การส่งพลังงานแสงความเข้มข้นสูงละเอียดระดับไมครอนที่คลื่นความยาว 2,940 nm ซึ่งเป็นช่วงที่มีความจำเพาะเป็นพิเศษกับน้ำในชั้นผิวมากที่สุด ทำให้สามารถกรอชั้นผิวที่มีปัญหา (Skin resurfacing) ด้านบนโดยไม่เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้ และเกลี่ยขอบหลุมสิวให้จางลง รวมถึงผลัดเซลล์ผิวอย่างละเอียดอ่อนโยน ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการทำเลเซอร์กลุ่ม CO2 โดยใช้เวลาพักฟื้นเพียงสัปดาห์เดียว 

พร้อมเทคโนโลยีไมโครเลนส์ชนิดพิเศษ ที่ทำให้เกิดลำแสงเลเซอร์เลเซอร์ขนาดเล็กถึง 169 MicroSpots ในการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง และยังสามารถตั้งค่าและควบคุมการรักษาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาlจน อีลาสตินในผิวชั้นลึก เป็นการแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวพร้อมทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษานั้นเรียบเนียนยิ่งขึ้น

หลุมสิวแบบใด ที่เหมาะกับการทำ MCL Dermablate

  • หลุมสิวประเภท Boxcar, Icepick และ Rolling scars ที่มีความลึกของหลุมในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • หลุมสิวชนิดที่มีขอบหนาคม โดยเฉพาะหลุมแบบกล่อง boxcar scars สามารถใช้เลเซอร์กรอขอบให้จางลงได้
  • แผลเป็นสิวชนิดนูน (Hypertrophic scars)
  • ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว กระชับรูขุมขน ลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวเนียนใสขึ้นด้วย
  • เหมาะกับหลุมสิวที่มีความลึกระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • เหมาะอย่างมาก ในหลุมสิวบริเวณกว้างที่มีความลึกระดับเดียวกัน

เทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ด้วย MultiMode MCL Dermablate: ErbiumYAG

  1. Focus Beam ปรับพลังงานระดับสูงให้ลงชั้นลึกเฉพาะจุด เพื่อไปกระตุ้นคอลลาเจนที่ก้นหลุมสิวทีละหลุม
    ปรับหลังงานให้ Spread ลงชั้นบนเพื่อเกลี่ยขอบหลุมสิวให้เรียบเนียน อ่อนตัวจางลง อย่างละเอียด หลุมที่ขอบชัดจึงดูเรียบเนียนขึ้น

  2. Focal Ablative กรอขอบหลุมสิวทีละชั้นอย่างละเอียด layer by layer ให้อ่อนตัวจางลง หลุมที่หนาขอบชัดจึงดูเรียบเนียนขึ้น
  3. Fractional Erbium Resurfacing เกลี่ยผิวโดยรวมพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนอย่างทั่วถึงครอบคลุม ซึ่งรักษาผิวทีละส่วนโดยไม่มีการรบกวนเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ ด้วยเลเซอร์ที่มีอนุภาคเล็กมากจะเจาะลึกลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ เลเซอร์จะรักษาผิวทีละส่วนเท่านั้นจึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้หายเป็นปกติในเวลารวดเร็ว สามารถแทรกลงไปยังเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นแท้ (dermis) โดยแพทย์สามารถเลือกได้ว่าจะรักษาครอบคลุมพื้นที่มากน้อยเพียงใด 
  4. สารฟื้นบำรุงสุดพิเศษ อุดมไปด้วย Growth Factor และสารอาหารผิวนานาชนิด ช่วยเสริมประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิวให้ดียิ่งขึ้น
  5. Sterile Mask แผ่นมากส์ปลอดเชื้อ ปลอบประโลมผิว ช่วยลดผลข้างเคียง ลดdowntimeหลังทำเลเซอร์ ให้ผิวฟื้นตัวไวยิ่งขึ้น

จุดเด่น

  • ผิวหน้าเรียบเนียน ผิวฟูขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
  • มีความแม่นยำสูงในการปล่อยพลังงานลงสู่ผิว
  • ไม่เจ็บ ไม่แสบร้อนขณะทำ
  • ราคาไม่แพง คุ้มค่าในการรับบริการ
  • เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นหลังทำ
  • สามารถทำร่วมกับการทำ Subcision หรือหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวดีขึ้นได้ 

เทคนิควิธีของหมอในการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นเป็นแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อาศัยทักษะความสามารถ เก็บประสบการณ์และเรียนรู้มานาน จึงได้เทคนิคขั้นสูงในการทำหัตถการ การรักษาหลุมสิวเป็นงานฝีมือแพทย์ที่ต้องใช้ความชำนาญและความละเอียดเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และต้องเข้าใจเรื่องหลุมสิวอย่างถ่องแท้ รู้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทนี้ มีวิธีใดใช้รักษาได้บ้าง และนำมาปรับใช้กับคนไข้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

โปรแกรมเด่นที่ Realclinic สำหรับหลุมสิว: Real Scar Synergy และ Juvgen
 1. Real Scar Synergy: โปรแกรมผสานเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกประเภทหลุมสิว

คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ผสมผสานหลายวิธีมาตรฐานที่มีงานวิจัยรองรับ เสริมด้วยเทคนิคพิเศษที่คุณหมอศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดสารฟื้นฟูเติมเต็มร่วมกับฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยคอลลาเจนของตัวเราเอง เพิ่มเติมด้วยสารฟื้นบำรุงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ลดการบวมช้ำ ไม่ต้องพักหน้า
คลิก อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

 2. Juvgen 

คือ การรักษาหลุมสิวที่ คุณหมอรมิตา ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจาก Dr. Jin Se-hun (ดร.จิน รักษาหลุมสิวเกาหลี) ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังชาวเกาหลี เทคนิคนี้มุ่งเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนการ ฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง โดยใช้การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิกอนุภาคเล็ก (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ชั้นหนังแท้บริเวณที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว ริ้วรอยร่องลึก หรือแผลเป็นเนื้อผิวยุบตัว กระบวนการนี้จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิวคอลลาเจนในปริมาณมากให้ขึ้นมามาทดแทนผิวหนังที่เคยยุบเป็นหลุม ให้สามารถฟูตัวขึ้นมา ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เนื้อเยื่อใหม่ โดยไม่ทำลายโครงสร้างผิวหนัง หลังการรักษาประมาณ 3-5 วัน จะสังเกตเห็นการยกตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจนใหม่ที่ขึ้นมาช่วยลดเลือนแผลเป็นหลุมสิวความไม่เรียบเนียนของผิว 
คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม

3. เลเซอร์เกลี่ยขอบหลุมสิว ด้วยเครื่อง  MCL Dermablate: ErbiumYAG

  • หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างชัดเจน
  • ผิวหน้าเรียบเนียน ผิวฟูขึ้น
  •  เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศเยอรมนี USFDA approved และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser 
  • ไม่เจ็บ ไม่แสบร้อนขณะทำ
  • ราคาไม่แพง เมื่่อเทียบกับผลลพธ์ คุ้มค่าในการรับบริการ
  • เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นหลังทำ
  • สามารถทำร่วมกับการทำ Subcision หรือหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวดีขึ้นได้

คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้